http://www.http://takuyak.igetweb.com
สร้างเว็บไซต์Engine by iGetWeb.com 
 หน้าแรก  ตะกู  บทความ  เว็บบอร์ด  รวมรูปภาพ
ค้นหา  ประเภทการค้นหา   
« April 2024»
SMTWTFS
 123456
78910111213
14151617181920
21222324252627
282930    
สถิติ
เปิดเว็บไซต์ 23/05/2008
ปรับปรุง 13/01/2023
สถิติผู้เข้าชม5,779,544
Page Views7,093,425
สินค้าทั้งหมด 5
Menu
หน้าแรก
บทความ
เว็บบอร์ด
รวมรูปภาพ
โลกร้อน หายนะมวลมนุษยชาติ
มิติธรรมชาติ
เศรษฐพอเพียง
สักทองพืชทำเงินที่ยิ่งใหญ่ตลอดกาล
"ต้นยางนา" พืชสร้างเงินที่ไม่ธรรมดา
"ไม้ยูคาลิปตัส"ความต้องการใช้ที่มีอย่างต่อเนื่อง
ไม้พยุง ไม้เงินล้านวันนี้ราคาพุ่งแรงแซงไม่หยุด
เปิดคลังไอเดียพืชทำเงิน
ราคาทอง
ราคาน้ำมัน
พยากรณ์อากาศ
ตรวจผลสลากกินแบ่งรัฐบาล
กรมส่งเสริมการเกษตร
กรมวิชาการเกษตร
ทีวีผ่านเน็ต
ศูนย์รวมสมุนไพรทุกชนิด
เพื่อนบ้านทั้งหมด
 

"หมากเม่า"พืชทำเงินที่คิดไม่ถึง

"หมากเม่า"พืชทำเงินที่คิดไม่ถึง

หมากเม่า

     หมากเม่า เป็นต้นไม้ในสายพันธุ์เบอร์รี่  ซึ่งมีอยู่ในป่าตามธรรมชาติในเขตพื้นที่ต่าง ๆ ของประเทศไทย  โดยจะมีความแตกต่างที่สังเกตได้ คือ ขนาดของผล โดยจะมีมากในพื้นที่ภาคตะวันออกเฉียงเหนือในหลายจังหวัด แต่จะมีมากและเป็นพันธุ์ที่มีขนาดผลใหญ่กว่าปกติ  ซึ่งเรียกกันในท้องถิ่นว่าเม่าหลวง  ผลไม้ในสายพันธุ์นี้ได้รับความนิยมในต่างประเทศและประเทศไทย ได้นำมาแปรรูปเป็นน้ำผลไม้เข้มข้น  โดยนิยมดื่มเพื่อบำรุงสุขภาพ  เนื่องจากมีสารอาหาร  วิตามิน  แร่ธาตุ และอื่น ๆ ที่มีประโยชน์ต่อร่างกายมากมาย

หมากเม่า หรือ มะเม่า หรือ เม่า กำลังได้รับการยกระดับจากพันธุ์ไม้ป่ามาเป็นพันธุ์พืชเศรษฐกิจ  ทั้งนี้ส่วนหนึ่งก็เป็นผลมาจากที่ไวน์หมากเม่าของประเทศไทยไปชนะการประกวดไวน์นานาชาติที่เบลเยี่ยม ในช่วงที่กำลังมีการแข่งขันฟุตบอลโลกที่เกาหลี และญี่ปุ่น  เมื่อก่อนหน้านี้เป็นผลให้ราคาผลเม่าสุกจากกิโลกรัมละ 15- 20  บาท มีราคาเพิ่มขึ้นเป็น 25 30 บาท ในเวลาต่อมาเมื่อถึงปลายฤดูที่ให้ผลผลิตก็จะมีราคาเพิ่มขึ้นอีก  หมากเม่าในไทยมีไม่เกิน 10 ชนิด โดยมีขึ้นกระจายในพื้นที่ทั่วทุกภาคของประเทศ มีทั้งที่ขึ้นในป่า  บนเขา  เชิงเขา ในที่ลุ่ม และมีพันธุ์ทนน้ำ ซึ่งพบในพรุพื้นที่ภาคใต้ ซึ่งชาวท้องถิ่นเรียกว่า ละไมรอด

                                                                                                  

หมากเม่า มีชื่อพื้นเมือง ชื่อท้องถิ่นต่างกันมากมาย แต่ส่วนใหญ่จะอยู่ในสกุลเดียวกัน คือ  แอนไทเดสม่า  แต่ที่ผลขนาดใหญ่หน่อย เหมาะต่อการปลูกเป็นพืชเศรษฐกิจก็คือ เม่าหลวง  ซึ่งชื่อนี้ตั้งครั้งแรกที่พิษณุโลก  แต่จังหวัดนี้กลับมีหมากเม่าไม่มาก ไปมีมากบริเวณเชิงเขาภูพานทั้งสองฝั่ง  เชิงเขาด้านตะวันตก  ซึ่งผลเม่าจะสุกก่อน และเข้าตลาดก่อนเม่าในเขตเชิงเขาด้านตะวันออก  การกระจายตัวตามธรรมชาติจากการเจริญขึ้นด้วยการเพาะเมล็ด และเมล็ดงอกเองเมื่อเข้าฤดูหนาวและหน้าแล้ง  ทำให้เม่ามีรสอร่อยต่างกัน ฝาดไม่เท่ากัน ขนาดผลและสีต่างกัน แก่สุกในเวลาแตกต่างกัน

                                                                                                                

เม่าปลูกแค่ 3 4 ปี ก็สามารถให้ผลผลิตได้ต้นละประมาณ 10 กิโลกรัม พันธุ์เม่าที่เกษตรกรเพาะขยายพันธุ์ออกมาขายแถบสกลนคร ต้นขนาด 1 2 คืบ ขายกันต้นละ 3 บาท ถ้าส่งเข้าไปขายในภาคกลาง ก็จะมีราคาเพิ่มขึ้นเป็นต้นละ 5 บาท ซึ่งราคาต้นพันธุ์ส่วนใหญ่จะอยู่ที่พันธุ์และความสูงของต้นหมากเม่าเป็นประการสำคัญ

และในอนาคตมีแนวโน้มว่าหมากเม่าจะได้รับการตอบรับจากตลาดมากขึ้น  เนื่องจากหลายประเทศกำลังกล่าวถึงคุณค่าทางโภชนาการที่มีผลของหมากเม่าที่นำมาแปรรูปในรูปแบบต่าง ๆ อย่างต่อเนื่องนั่นเอง

 

ในคุณค่าทางอาหารของผลเม่าพบว่า ให้พลังงาน 75.20 กิโลแคลอรี ต่อ 100 กรัม โปรตีน 0.63 กรัม ต่อ 100 กรัม  เยื่อใย 0.79 กรัม ต่อ 100 กรัม คาร์โบไฮเดรต 17.96 กรัม ต่อ 100 กรัม แคลเซียม 13.30 มิลลิกรัมต่อ 100 กรัม เหล็ก 1.44  มิลลิกรัม ต่อ 100 กรัม วิตามินซี 8.97 กรัม ต่อ 100 กรัม วิตามิน บี 1   4.50 ไมโครกรัมต่อ 100 กรัม  วิตามินบี 2   0.03  ไมโครกรัม ต่อ 100 กรัม วิตามินอี 0.38 ไมโครกรัม ต่อ 100 กรัม

ความคิดเห็น

  1. 11
    นิค
    นิค kaewmongkol18@hotmail.com 01/09/2010 14:50

    ตอนนี้ผมมีหมากเม่ากำลังสุกเต็มที่พร้อมทำไวท์ จำนวน  100 kg สนใจติดต่อด่วนครับ  0811780556


     

  2. 12
    egkarat phromdeeraja
    egkarat phromdeeraja egkarat@hotmail.com 17/07/2010 01:42
    มะเม่าเป้นพืชท้องถิ่นในแถบอีสานตอนบน บริเวณที่อยูใกล้เทือกเขาภูพาน เช่น สกลนคร กาฬสิินธุ์ นครพนม อูดรธานี ปัจจุบัมีการขายแหล่ฃผลไปในหลายท้องที่ เช่น ปทุมธานี กาญจนบุรี และถิ่นอื่นๆ ผมว่าคงปลุได้ทั่วประเทศไทย เพราะสภาพภูมิอากาศอยูในโซนเดียวกัน ยกเว้นบนที่สูง เช่น เขา ค้อ ภูเือ ดอย วาวี ดอยสูงๆที่มีอากาศเย็น มะเม่าก็ไม่ชอบ ทางเราเคยเอาสะตอไปทดลองปลูกบนพื้นที่ภูุขัดภูเมี่ยงภูสอยดาว ต้นงามมากไม่ออกฝั เพพราะอากาศหนาว สะตอไม่ชอบ มะเม่าก้เช่นกันชอบอากาศพื้นราบหรืที่สูงก็ไม่เกิน 400-500 เมตร (ในระดับใกล้เคียกันกับภูพานที่เป้นเสมือนบ้านเดิม) ขณะนี้มีผูส่งออกไปตลาดอเมริกาในรูปนำ้มะเม่าข้น และในรูปไวน์ที่เป้นOTOP แต่ยังขยายตลายังไม่ได้ เพราะขาดแคลนวัตถุดิบ จำนวนต้นมะเม่ามีปริมาณจำกัด การวิจัยพัฒนายังอยูในระยะชั้นประถมวัย ต้องรอการศึกษาค้นค้วาอีกมาก แต่การใช้ประโยชน์ทางการค้าอาจจะต้องเร่ิมดำเนินการเองไปก่อน องค์ประกอบความสำเร็จ คิดแบบง่ายๆ ก็ขึ้นอยู่กับปัจจัยอยู่ 3 ประการ คือ 1.พื้นที่ปลูกที่เหมาะสม ดินร่วนเหนียว-ดินดรว่นทราย ที่ดอนน้ำไม่ท่วม บนคันนา 2.พันธุืหมากเม่าและการจัดการปลูก ดูแลรักษา ป้องกำจัดศัตรูพืช การเก็บเกี่ยว และการแปรรูป 3.ตัวผู้ปลูกต้องชอบและรักอาชีพเกษตรกรรม ต้องใจเย้น เพราะกว่าจะเก้บเกี่ยวไดก้ต้อง 3-5ปี แต่ก็ยังเร็วกว่ายางพารา โดยเฉพาะคดไวน์ปลุูกสัก 5 ต้นก็ทำไวน์ไว้กินเองได้ สูตรทำไวนถ้าสนใจก็มี เพราะคนเรียนเกษตรทำไวน์กินกันเองมาตั้งแต่เรียนแล้ว (ไวน์กระเจี๊ยบขั้นฦึกหัด) ส่วนตลาดมีกว้างมาก ทั้งกลุ่มภูพานเอง หรือสถาบันเทคโนโลยีราชมงคลสกลนคร ที่อ.พังโคน ก็เป็นผู้นำในด้านการวิจัยและพัฒนาด้านนี้  แหล่งพันธุื์ส่วนใหญ่มีจำหน่ายที่อ.ภูพาน จ.สกนคร และศูนย์อินแปง ที่อ.กุดบาก มีทั้งต้นติดตา และเมล็ดโดยตรง ปลูกจากเมล็ดเลยก็คงนานเกิน 5 ปี กว่าจะติดผล ส่วนต้นติดตา ราว 3-4 ปี ที่ผมนำไปปลูกให้ญาติแถวนาวัง จ.หนองบัวลำภู ตอนนี้ออกลูกได้กินแล้ว  ปลูกไปก่อนเถอะครับ ตลาดมีมาเอง เพราะยังไม่ไ่ต้องหมักไวน์ หรือต้มทำนำ้้มะเม่าก็ไม่พอขายแล้วครับ เพราะคนที่ซื้อไม่ใช่วัยรุ่น แต่เป็นกลุ่มวัยรุ่นแย้มฝา... มีกะตังมีกำลังซื้อเพราะอยากได้ของดีบำรุงกำลังบำรุงสุขภาพ ทางแพทย์ทางหมอเขาวิเคาระห์วิจัยแล้วคุณค่าสูงต่อสุขภาพ  ได้ทราบว่ามีผู้ส่งออกจากเมืองไทยต้มเคี่ยวนำ้้ส่งไปให้สหรัฐฯเป็นนำ้มะเม่าส่งตัวอย่างไป พอเขาวิเคราห์เสร็จ เทียบกันำ้อง่นแล้ว นำ้มะเม่าชนะขาดลอยทุกด้าน มีออร์เดอร์ทันทีปีละ 5000 ตัน ! โดยเฉพาะอย่างยิ่ง หมากเม่าปลอดสารเคมีครับ ส่วนองุ่นพ่นสารเคมี ทั้งสารฆ่าแมลงเอย หนอนเอย พ่นยากันเชื้อราเอย...เพียบ  ใครบอกว่าองุ่นอินทรีย์ รับประกันได้เลยว่ายากที่จะทำได้ โดยเฉพาะในการทำแบบการค้าธุรกิจห่างจากาสารเคมีเมื่อไรองุ่นก็ไม่ได้ผลครับ  ฉะนั้น อนาคต ลู่ทางโอกาศของหมากเม่ามีสูงมาก ที่สกลนคร ผู้มีวิสัยทัศน์ปลูกแล้ว แค่ขายผลสดอย่างเดียวก็แถบอ.วาริชภูมิ ใต้ต้นก็ปลุหวายได้อกี ขายได้ทั้งหมากเม่าและหวาย ตอนเด็ก เคยอ่านวารสารชัยพฤฏยังชอบอยู่ที่เขาบอกว่า..ทรัพย์สินมีอยู่ไม่ไกล ...ใครปัญญาไว...หาได้บ่นาน....... หากใครต้องการแลกเปลี่ยนเรียนรู้กัน ก็ส่งเมล์มาได้ แม้ว่าจะวัยรุ่นตอนปลายแล้วก็พอโต้ตอบทางอีเมล์ได้ครับที่egkarat@gmail.com/
  3. 13
    greenbullseed
    greenbullseed greenbullseed@gmail.com 16/08/2009 23:42
    www.greenbullseed.com
  4. 14
    ผู้ประกอบการผลิตไวน์
    ผู้ประกอบการผลิตไวน์ watcharapong_31@hotmail.com 14/07/2009 11:45
    ผลผลิตผลจะออกช่วงมีนา-เมษา และจะสุกดำในช่วงเดือน สิงกา-กันยา ราคาต้นพันธุ์ แบบรากเดี่ยว ประมาณ 60-80 บาทต่อต้น แบบพิเศษเสริม 3 ราก ประมาณ 150 -200 บาท ถ้าอยากขายต้องดูว่าแหล่งผลิตผลิตภัณฑอยู่ที่ไหน เพราะโดยส่วนมากแล้วอยู่ที่จังหวัดแถบๆสกลนคร ส่วนที่อื่นก็ประปราย ราคาที่รับซื้อก็อยู่แล้วแต่การสุกดำ-แดง กิโลละ25-30 บาท ถ้าแดงก็ 15-20 บาทแล้วแต่%ของผลดำ ผลดำมากก็ได้ราคาดี ดำน้อยแดงเยอะราคาก็ลดลงมาตามลำดับ
  5. 15
    ตะเกียวดาว
    ตะเกียวดาว sum41_add@hotmail.com 21/05/2009 12:55
    จะหาซื้อพันธุ์ได้ที่ไหนคับ

    ที่ใกล้เชียงใหม่มากที่สุดน่ะคับ
  6. 16
    ภพสรรค์
    ภพสรรค์ popsan@msm.th.com 19/03/2009 16:44
    อยากทราบรายละเอียด เกี่ยวกับการปลูกครับ ถ้าปลูกแล้วจะขายที่ไหน
    ใครรับซื้อราคาเท่าไหร่ ผลผลิตได้ทั้งปีหรือไม่
    ขอบคุณครับ
  7. 17
    phuphanphet
    phuphanphet phuphanphet@gmail.com 15/02/2009 08:46
    ผุ้นำตลาดหมากเม่า

    www.phuphanphet.com
[Back]   1 2

แสดงความคิดเห็น

* *

 

*

 
 หน้าแรก  ตะกู  บทความ  เว็บบอร์ด  รวมรูปภาพ
view